ยินดีต้อนรับทุกท่าน

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่อง คนขายตะเกียง

หมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่ไกลความเจริญ บ้านทุกหลังต่างต้องจุดตะเกียง เมื่อถึงเวลาค่ำคืน


บ้านหลังหนึ่งเปิดร้านขายตะเกียง น้ำมันใส่ตะเกียง และอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับตะเกียง

อยู่มาวันหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านกลับจากเมือง และได้เรียกทุกคนในหมู่บ้านมาประชุมกัน

ผู้ใหญ่บ้านบอกกับลูกบ้านว่าจะนำไฟฟ้ามาใช้ในหมู่บ้าน หมู่บ้านจะได้เจริญขึ้น แต่การจะนำไฟฟ้ามาใช้ในหมู่บ้านทุกคนจะต้องช่วยกันออกค่าใช้จ่าย

ลูกบ้านทุกครัวเรือนต่างเห็นด้วย ตกลงช่วยกันออกค่าใช้จ่ายเพื่อ ต่อไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน คนขายตะเกียงคิดในใจไม่เห็นด้วย เพราะหากนำไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน เขาคงขายตะเกียงไม่ได้

คืนวันนั้น ตกดึกคนขายตะเกียงนำเศษฟางมาจุดไฟเผาบ้านของผู้ใหญ่บ้าน หากบ้านถูกเผาจนวอด ผู้ใหญ่บ้านต้องย้ายไปพักที่บ้านญาติๆ ซึ่งอยู่หมู่บ้านอื่นห่างไกลมาก

เขาใช้หินไฟเคาะกัน เพื่อให้เกิดประกายไฟจะได้ไปติดที่ฟาง แต่อากาศเย็นมาก การจุดไฟด้วยหินไฟจึงทำได้อย่างยากลำบาก

เวลาผ่านไปนานเขาก็ไม่สามารถติดไฟได้ เขาคิดในใจว่า "นี่หากเรานำไม้ขีดมาด้วย คงติดไฟไปตั้งนานแล้ว หินไฟนี้เป็นของคนรุ่นเก่าไม่ทันสมัยเหมืนไม้ขีดไฟซึ่งเป็น ของคนรุ่นใหม่"

ทันใดเขาก็คิดได้ว่าตะเกียงนั้นเป็นของแบบเก่าให้แสงสว่างน้อย สู้ไฟฟ้าไม่ได้ ไฟฟ้าให้แสงสว่างมากและให้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ตะเกียงถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนหินไฟ ส่วนไม้ขีดก็เหมือนไฟฟ้า

เขากลับบ้าน เลิกล้มความคิดที่จะวางเพลิงเผาบ้านผู้ใหญ่

ไม่นานหมู่บ้านก็มีไฟฟ้าใช้ จากที่เคยคิดว่า ถ้ามีไฟฟ้าเขาจะขายตะเกียงไม่ได้ เขาจะขาดรายได้ แต่ตอนนี้เขาเลิกขายตะเกียงหันมาขายอุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆจากไฟฟ้า กลับทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นกว่าเก่า


*** นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เราควรยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะเทคโนโลยีคือสิ่งอำนวยความสะดวกของคนรุ่นใหม่


วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่อง สิงโตกับหมาจิ้งจอก

ไกลออกไปในป่าลึกที่ถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของสิงโตเจ้าป่า แต่เวลานี้สิงโตผู้ยิ่งใหญ่กำลังไม่สบายมันป่าวประกาศไปทั่ว เพื่อหาหมอวิเศษมารักษาอาการป่วยของมัน "ใครก็ตามที่สามารถรักฉันให้หายได้ฉันจะให้รางวัลอย่างงามทีเดียว".

ในป่าแห่งนี้เองมีหมาจิ้งจอกและหมีที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอที่เก่งกาจที่สุดทั้งสองได้ยินประกาศของสิงโตจึงรีบเตรียมตัวเดินทางไปรักษาเจ้าของป่าทันที

แต่เจ้าหมาเกิดละโมปมันอยากได้รางวัลแต่ผู้เดียวมันจึงห้ามไม่ให้หมีไปด้วย "ฉันว่าฉันควรไปรักษาสิงโตคนเดียว..เพราะฉันไม่อยากแบ่งรางวัลของฉันให้กับใครเพราะฉะนั้นแกควรกลับบ้านไปได้แล้วเจ้าหมี" "ถ้าเธอคิดว่าเธอสามารถรักษาคนเดียวได้...ก็ตามใจ" หมีพูดก่อนหันหลังจากไป

หมาป่าจอมละโมปรีบวิ่งตรงไปที่ถ้ำสิงโตและถือโอกาสกุเรื่องกล่าวร้ายหมี "ท่านสิงโตรู้ไหมที่เจ้าหมีนั่นไม่ยอมมารักษาท่านนั้นก็เพราะมันอยากให้ท่านตาย และมันจะได้ขึ้นเป็นเจ้าปกครองป่าแห่งนี้แทนท่าน ไงล่ะ!!..."

สิงโตได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธมากจึงเรียกหมีเข้ามาพบโดยเร็ว "ไม่จริงเลยท่าน...ฉันไม่ได้มารักษาท่านก็เพราะฉันกำลังค้นคว้าหาวิธีที่ ดีที่สุดที่จะมารักษาท่านต่างหากและตอนนี้ฉันก็รู้แล้วล่ะ!!"

หมีคิดแก้เผ็ดหมาป่าจอมโกหก จึงแกล้งพูดต่อไปว่า "วิธีที่จะรักษาท่านได้ก็คือ...ความอบอุ่น และสิ่งที่อบอุ่นที่สุดนั่นก็คือ..ขนของหมาจิ้งจอกนั่นเอง"

ทันใดนั้นสิงโตกระโดดตรงไปที่หมาป่าและถอนขนทั้งหมดของเจ้าหมาป่าออกมาทำเสื้อขนสัตว์แสนสวยสวมใส่หมาป่าขนโกร๋นตกใจและอายมากมันจึงวิ่งหนีหายไปในป่าและไม่กล้าออกมาปรากฎตัว ในที่สาธารณะอีกเลย
*** คติ : ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

เรื่อง สิงโตกับผู้รับใช้

มีสิงโตตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในป่ามาช้านาน

กระต่าย หมาป่า แมว เห็นว่าสิงโตนั้นแข็งแรงมีอำนาจยิ่งใหญ่ในป่า จึงมาขอเป็นลูกน้องคอยรับใช้

ที่ยอมเป็นลูกน้อง เพราะต้องการให้สิงโตคอยคุ้มครองตนให้ปลอดภัยจากผู้อื่น สิงโตเมื่อมีลูกน้องคอยรับใช้ เวลาจะทำอะไรก็จะให้ลูกน้องทำเสมอ

ทุก ๆ วันสิงโตนั้นสบาย งานการทุกอย่างลูกน้องก็ทำให้หมดลูกน้องสิงโตก็อยู่กันอย่างปลอดภัยไม่ต้องกลัว อันตรายจากผู้อื่นถายนอกสิงโตจะทำอะไรลูกน้องก็ทำตาม ไม่มีใครคัดค้านเลย คิดว่าตนนั้นยิ่งใหญ่มีแต่คนคอยเอาใจ

จะดุว่าลูกน้องก็ฟัง สิงโตจึงเอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจว่าลูก น้องจะรู้สึกอย่างไร วันหนึ่งสิงโตสั่งให้กระต่ายทำงาน แต่กระต่ายทำพลาดทำของตกแตกเสียหาย

เห็นดังนั้นสิงโตจึงโมโหและตะปบกระต่ายจนตาย ขาดเจ้าเพีองตัวเดียวคงไม่เป็นไร่ ข้ายังมีลูกน้องอยู่อีกสิงโตกล่าวอย่างไม่ใยดี

เมื่อหมาป่า แมวเห็นเหตุการดังนั้น ต่างก็ชวนกันหนี ไม่ขอรับใช้สิงโตต่อไป "ข้าจะอยู่ได้อย่างไร หากข้าอยู่รับใช้ท่านต่อ ข้าก็คงเป็นเช่นกระต่ายตัวนั้น"

หมาป่า แมว พากันเดินหนีจากสิงโต พร้อมกับพูดว่า "ศัตรูภายนอกนั้นน่ากลัว แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าเจ้านายที่ขาดคุณธรรม ไม่รักลูกน้อง"

***นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ขาดคุณธรรม ไม่มีใครคบหา

เรื่อง เทพารักษ์กับคนตัดไม้

ชายตัดฟืนคนหนึ่ง...เข้าไปตัดฟืนในป่าเผอิญเขาทำขวานพลัดตกลงไปในสระน้ำ"โธ่...โธ่...โธ่...ฉันจะทำอย่างไรดี ว่ายน้ำก็ไม่เป็น"ชายตัดฟืนคร่ำครวญอยู่ริมสระ เพราะเขาไม่มีเครื่องมือทำมาหากินอีก


เทพารักษ์ ที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น อดสงสารไม่ได้ จึงปรากฏกายให้เห็น แล้วเอื้อมมือลงไปในสระน้ำ คว้าขวานเล่มหนึ่งส่งให้คนตัดฟืน"โอ...ท่าน...นี่มันขวานทอง ไม่ใช่ขวานของข้าหรอก"ชายตัดฟืนไม่ยอมรับ เทพารักษ์จึงงมขวานขึ้นมาให้อีกเล่มหนึ่ง

"นี่ก็ไม่ใช่ขวานของข้า...ของข้าขวานเหล็กธรรมดาท่าน ไม่ใช่ขวานเงิน" "เจ้าเป็นคนซื่อสัตย์" เทพารักษ์พูด "คนอย่างเจ้าหายาก เอ้าข้าให้ขวานทองกับขวานเงินเจ้าเป็นรางวัลก็แล้วกัน" กล่าวเสร็จแล้ว เทพารักษ์ก็หายตัวไป

คนตัดฟืน นำขวานทองและขวานเงินเดินกลับบ้าน พบใครก็อวดให้ชมและเล่าว่าได้มาอย่างไร "เทวดาท่านดีใจมากเลย ข้านั่งร้องไห้อยู่ริมสระเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ท่านก็มางมขวานให้ แล้วก็ให้ขวานทองขวานเงินแก่ข้าอีกด้วย"

เพื่อนบ้านคนหนึ่ง อยากได้บ้าง จึงเข้าไปในป่า ทำทีหาฟืน แล้วก็โยนขวานของตนทิ้งลงในน้ำ "ฮือ...ฮือ...ฮือ... คราวนี้ข้าหมดทางหากินแน่ ๆ " เทพารักษ์มางมขวานให้เช่นเคย "เอ้า ขวานทองเล่มนี้ของเจ้าใช่ไหม ? " "ใช่ ใช่แล้วท่าน ของข้าเอง" ชายโลภมากพูดอย่างยินดี "เจ้าคนโกงไม่น่าคบ " พูดแล้ว เทพารักษ์ก็หายวับไปกับทอง

*** นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : โลภมากลาภหาย

****************************************************************************

เรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ

เด็กคนหนึ่ง ต้อนฝูงแกะออกไปปล่อยกินหญ้าในทุ่งหญ้าในนา แล้วตัวเขาเองก็นั่งเล่นอญุ่ชายทุ่ง "เบื่อจริง ๆ " เด็กเลี้ยงแกะบ่น หลอกชางบ้านเล่นคงจะดี เขานึกสนุก และคิดเรื่องที่หลอกชาวบ้าน


ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย
เด็กเลี้ยงแกะวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพลางร้องตะโกนให้คนช่วย "หมาป่ากินแกะของผมหมดแล้ว ช่วยด้วยครับ" ชาวบ้านทิ้งงานที่ทำอยู่ หยิบฉวย จอบบ้าง เสียบบ้าง ขวานบ้าง วิ่งออกมาถามเด็กเลี้ยงแกะ
"หมาป่ามันอยู่ที่ไหน ไอ้หนู่"
"ในทุ่งนาครับ" เด็กเลี้ยงแกะชี้ไปที่ทุ่งนา ชาวบ้านจึงพากันวิ่งไปตามทางที่เด็กบอก "ไม่เห็นมีหมาป่าสักตัวนี่" ชาวบ้านพากันมองหน้าไปมา แล้วหันมาถามเด็กเลี้ยงแกะ "ฮ่ะ ฮ่ะ สนุกจริง ๆ ผมหลอกชาวบ้านได้หมดทั้งหมู่บ้านเลย" เด็กเลี้ยงแกะหัวเราะชอบใจ แต่พวกผู้ใหญ่กลับพูดว่า "ไอ้เด็กเลี้ยงแกะพูดจาเหลวไหลเชื่อไม่ได้"


อยู่มาวันหนึ่งหมาป่าหิวโซเดินผ่านมา ในทุ่งหญ้าที่เด็กชายเลี้ยงแกะพอดี "หวานข้าละ" สุนัขป่าคำราม ฝูงแกะได้ยินเลียงสุนัขป่า ก็ตกใจวิ่งหนีกันวุ่นวาย และส่งเสียงร้องดังไปทั้งทุ่ง "หมาป่า" เด็กเลี้ยงแกะตกใจ เมื่อเห็นหมาป่ากำลังทำร้ายแกะของเขา


ช่วยด้วย ช่วยด้วย เด็กเลี้ยงแกะวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือที่หมู่บ้าน "หมาป่ากำลังกินแกะของผม ช่วยด้วยเถอะครับ" "ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ" ชาวบ้านตะคอกใส่หน้า "คราวนี้แกหลอกพวกข้าไม่ได้หลอก" ไม่มีใครออกไปช่วยไล่หมาป่าให้เด็กเลี้ยงแกะสักคน

*** นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

ผู้สนับสนุน